ความรู้เรื่องยางรถยนต์และอันตรายจากยาง
1.ยางที่สึกมาก เป็นอันตรายไม่สามารถรีดน้ำออกจากหน้ายางได้ ทำให้เหินน้ำ บังคับเลี้ยวไม่ได้และเป็นเหตุให้รถ พลิกคว่ำตกไหลทางได้งาน
รูปที่ 1. แสดงลักษณะของยางเหินน้ำ
ยางเหินน้ำเกิดจากการสึกของดอกยาง ทำให้น้ำไม่สามารถระบายออกจากหน้ายางได้ โดยปกติยางรถยนต์จะมีดอกยาง และ ระหว่างดอกยางจะมีร่องยาง ร่องยางนี้ทำหน้าที่ให้น้ำระบายออกได้อย่างรวดเร็ว แต่ถ้ายางสึกร่องระบายน้ำก็จะตื้นลง ไม่มี ประสิทธิภาพในการระบายน้ำ ทำให้เกิดอาการเหินน้ำได้ดังรูป 1
การสึกหรอของยางการและยางสลับยาง : ปกติหน้ายาง (ดอกยาง) จะค่อยๆสึกหรอไปตามอายุและระยะทางที่ใช้งาน ซึ่ง โดยปกติให้ใช้งานได้ไม่เกิน 50,000 กิโลเมตร (กำหนดโดยผู้ผลิตยาง) และอายุของยางไม่ควรเกิน 3 ปี นับจากวันผลิต ทั้งนี้แนะนำให้สลับเปลี่ยนยางรถยนต์ เดือนละ 1 ครั้ง หรือทุกๆ 5,000 กิโลเมตรเพื่อให้การสึกของยางเป็นไปอย่างทั่วถึง ตลอดหน้ายาง หากไม่สลับยาง หน้ายางบางเส้นอาจสึกหรอไม่เท่ากัน เกิดอาการสึกเอียงซ้าย หรือสึกเอียงขวา จะทำให้ไม่ ปลอดภัย (ยางเกาะถนนไม่ดี)
รูปที่ 2. แสดงการสลับยางรถยนต์
อายุการใช้งานของยาง:
โดยปกติอายุของยางนั้นจะเริ่มนับตั้งแต่ถูกนำไปใช้งาน คือ หลังจากที่ยางประกอบเข้ากับกระทะล้อ และติดตั้งเข้ากับ รถยนต์ แล้วนำไปวิ่งใช้งาน ซึ่งยางรถยนต์ทุกเส้นจะได้รับการรับประกันคุณภาพจากบริษัทผู้ผลิตแต่ละรายโดยสามารถ ศึกษารายละเอียด และเงื่อนไขได้จากคู่มือการรับประกันคุณภาพ อายุของยางรถยนต์ ขึ้นอยู่กับการใช้งานของคุณเป็นสำคัญ เพื่อให้สามารถใช้งานได้ยาวนานและปลอดภัย มีข้อแนะนำใน การบำรุง รักษายางที่ถูกต้องดังต่อไปนี้ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยและช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานจึงควรเพิ่มการดูแลเอาใจใส่ยางรถยนต์มากยิ่งขึ้น และ เลือกใช้ยาง ให้ถูกต้องเหมาะสมด้วย
หน้ายางสึกผิดปกติ:
สาเหตุใหญ่ๆของหน้ายางสึกผิดปกติมักเกิดจากเติมลมไม่ถูกต้อง หากเติมลมมากเกินไป (แรงดันลมสูงมาก) ดอก ยางจะสึกตรงกลางหน้ายางแต่ถ้าลมยางน้อยเกินไป หน้ายางจะสึกบริเวณไหลยาง ตามรูปที่ 3
รูปที่ 3 แสดงการสึกผิดปกติของหน้ายาง จากการเติมลมไม่ถูกต้อง
ลักษณะการสึกของยางที่เป็นอันตราย :
ดอกยาง/หน้ายางที่สึกหรอมากจนถึงขีดอันตรายให้สังเกตอย่างนี้ครับ;
1. เมื่อความลึกของดอกยางเหลือไม่ถึง 1.6 มม.
2. เมื่อพบว่ามีรอยสึกเป็นหย่อมๆ
เมื่อพบว่ายางสึกมากจนถึงขีดอันตราย ให้ขอเปลี่ยนยางทันที (อย่ารอจนถึงวันหมดอายุ)
1.ยางที่สึกมาก เป็นอันตรายไม่สามารถรีดน้ำออกจากหน้ายางได้ ทำให้เหินน้ำ บังคับเลี้ยวไม่ได้และเป็นเหตุให้รถ พลิกคว่ำตกไหลทางได้งาน
รูปที่ 1. แสดงลักษณะของยางเหินน้ำ
ยางเหินน้ำเกิดจากการสึกของดอกยาง ทำให้น้ำไม่สามารถระบายออกจากหน้ายางได้ โดยปกติยางรถยนต์จะมีดอกยาง และ ระหว่างดอกยางจะมีร่องยาง ร่องยางนี้ทำหน้าที่ให้น้ำระบายออกได้อย่างรวดเร็ว แต่ถ้ายางสึกร่องระบายน้ำก็จะตื้นลง ไม่มี ประสิทธิภาพในการระบายน้ำ ทำให้เกิดอาการเหินน้ำได้ดังรูป 1
การสึกหรอของยางการและยางสลับยาง : ปกติหน้ายาง (ดอกยาง) จะค่อยๆสึกหรอไปตามอายุและระยะทางที่ใช้งาน ซึ่ง โดยปกติให้ใช้งานได้ไม่เกิน 50,000 กิโลเมตร (กำหนดโดยผู้ผลิตยาง) และอายุของยางไม่ควรเกิน 3 ปี นับจากวันผลิต ทั้งนี้แนะนำให้สลับเปลี่ยนยางรถยนต์ เดือนละ 1 ครั้ง หรือทุกๆ 5,000 กิโลเมตรเพื่อให้การสึกของยางเป็นไปอย่างทั่วถึง ตลอดหน้ายาง หากไม่สลับยาง หน้ายางบางเส้นอาจสึกหรอไม่เท่ากัน เกิดอาการสึกเอียงซ้าย หรือสึกเอียงขวา จะทำให้ไม่ ปลอดภัย (ยางเกาะถนนไม่ดี)
รูปที่ 2. แสดงการสลับยางรถยนต์
อายุการใช้งานของยาง:
โดยปกติอายุของยางนั้นจะเริ่มนับตั้งแต่ถูกนำไปใช้งาน คือ หลังจากที่ยางประกอบเข้ากับกระทะล้อ และติดตั้งเข้ากับ รถยนต์ แล้วนำไปวิ่งใช้งาน ซึ่งยางรถยนต์ทุกเส้นจะได้รับการรับประกันคุณภาพจากบริษัทผู้ผลิตแต่ละรายโดยสามารถ ศึกษารายละเอียด และเงื่อนไขได้จากคู่มือการรับประกันคุณภาพ อายุของยางรถยนต์ ขึ้นอยู่กับการใช้งานของคุณเป็นสำคัญ เพื่อให้สามารถใช้งานได้ยาวนานและปลอดภัย มีข้อแนะนำใน การบำรุง รักษายางที่ถูกต้องดังต่อไปนี้ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยและช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานจึงควรเพิ่มการดูแลเอาใจใส่ยางรถยนต์มากยิ่งขึ้น และ เลือกใช้ยาง ให้ถูกต้องเหมาะสมด้วย
หน้ายางสึกผิดปกติ:
สาเหตุใหญ่ๆของหน้ายางสึกผิดปกติมักเกิดจากเติมลมไม่ถูกต้อง หากเติมลมมากเกินไป (แรงดันลมสูงมาก) ดอก ยางจะสึกตรงกลางหน้ายางแต่ถ้าลมยางน้อยเกินไป หน้ายางจะสึกบริเวณไหลยาง ตามรูปที่ 3
รูปที่ 3 แสดงการสึกผิดปกติของหน้ายาง จากการเติมลมไม่ถูกต้อง
ลักษณะการสึกของยางที่เป็นอันตราย :
ดอกยาง/หน้ายางที่สึกหรอมากจนถึงขีดอันตรายให้สังเกตอย่างนี้ครับ;
1. เมื่อความลึกของดอกยางเหลือไม่ถึง 1.6 มม.
2. เมื่อพบว่ามีรอยสึกเป็นหย่อมๆ
เมื่อพบว่ายางสึกมากจนถึงขีดอันตราย ให้ขอเปลี่ยนยางทันที (อย่ารอจนถึงวันหมดอายุ)
รูปที่ 4. แสดงยางที่สึกมากจนถึงขีดอันตราย
เมื่อไหร่จะถึงเวลาเปลี่ยนยาง:
โดยปกติ ถ้าหากยางรถยนต์ได้รับการดูแลรักษาและใช้งานอย่างถูกต้อง เราสามารถใช้งานได้จนกระทั่งดอกยางสึกหรอ เหลือต่ำสุด 1.6 มิลลิเมตร สามารถสังเกตง่ายๆได้จาก จุดสามเหลี่ยมเล็กๆ 6 จุดบนไหล่ยางแต่ละด้านเมื่อเจอสัญลักษณ์ นี้แล้ว ให้มองตรงขึ้นไป ที่หน้ายาง และมองลึกลงไปที่ร่องดอกยาง ก็จะพบสันนูนที่ร่องยาง ซึ่งเรียกว่า สะพานยางและ เมื่อไหร่ที่ดอกยางสึก ไปถึงสะพานยาง นั่นแสดงว่ายางหมดอายุการใช้งาน ก็ควรเปลี่ยนยางเส้นใหม่ได้ทันที แต่ถึงแม้ยาง ไม่หมดอายุแต่เกิดการบวมล่อนขึ้น บริเวณส่วนใดส่วนหนึ่ง เช่น ที่หน้ายาง หรือ ไหล่ยาง ก็ควรเปลี่ยนใหม่ทันทีเช่นกัน เพราะหากยังใช้ต่อไป ยางอาจแตกระเบิดได้ หรือถ้าเกิดบาดแผลขึ้น โดยแผลนั้นมีความลึกไปถึงโครงสร้างยางภายใน และ มีความกว้างของบาดแผลมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แผลบริเวณแก้มยาง ห้ามทำการปะซ่อมและนำมาใช้งานเด็ดขาด ควร เปลี่ยนยางใหม่โดยด่วนทันที สำหรับท่านที่ต้องการจะทราบถึงอายุการใช้งาน เป็นระยะทางที่วิ่งได้เป็นเลขกิโลเมตรนั้น คงจะไม่สามารถบอกได้อย่าง แน่ชัด ว่าสมควรเปลี่ยนยางเส้นใหม่หรือยัง เนื่องจากมีปัจจัยหลายประการ ที่ทำให้เกิดการสึกหรอของดอกยางของผู้ใช้แต่ ละคน ที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น การบรรทุกน้ำหนัก ความดันลมยาง ความเร็วในการขับขี่ สภาพผิวถนน อุณหภูมิ
การตรวจเช็คยางเพื่อความปลอดภัย :
1. การตรวจสอบเพื่อความปลอดภัย
โดยปกติ ถ้าหากยางรถยนต์ได้รับการดูแลรักษาและใช้งานอย่างถูกต้อง เราสามารถใช้งานได้จนกระทั่งดอกยางสึกหรอ เหลือต่ำสุด 1.6 มิลลิเมตร สามารถสังเกตง่ายๆได้จาก จุดสามเหลี่ยมเล็กๆ 6 จุดบนไหล่ยางแต่ละด้านเมื่อเจอสัญลักษณ์ นี้แล้ว ให้มองตรงขึ้นไป ที่หน้ายาง และมองลึกลงไปที่ร่องดอกยาง ก็จะพบสันนูนที่ร่องยาง ซึ่งเรียกว่า สะพานยางและ เมื่อไหร่ที่ดอกยางสึก ไปถึงสะพานยาง นั่นแสดงว่ายางหมดอายุการใช้งาน ก็ควรเปลี่ยนยางเส้นใหม่ได้ทันที แต่ถึงแม้ยาง ไม่หมดอายุแต่เกิดการบวมล่อนขึ้น บริเวณส่วนใดส่วนหนึ่ง เช่น ที่หน้ายาง หรือ ไหล่ยาง ก็ควรเปลี่ยนใหม่ทันทีเช่นกัน เพราะหากยังใช้ต่อไป ยางอาจแตกระเบิดได้ หรือถ้าเกิดบาดแผลขึ้น โดยแผลนั้นมีความลึกไปถึงโครงสร้างยางภายใน และ มีความกว้างของบาดแผลมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แผลบริเวณแก้มยาง ห้ามทำการปะซ่อมและนำมาใช้งานเด็ดขาด ควร เปลี่ยนยางใหม่โดยด่วนทันที สำหรับท่านที่ต้องการจะทราบถึงอายุการใช้งาน เป็นระยะทางที่วิ่งได้เป็นเลขกิโลเมตรนั้น คงจะไม่สามารถบอกได้อย่าง แน่ชัด ว่าสมควรเปลี่ยนยางเส้นใหม่หรือยัง เนื่องจากมีปัจจัยหลายประการ ที่ทำให้เกิดการสึกหรอของดอกยางของผู้ใช้แต่ ละคน ที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น การบรรทุกน้ำหนัก ความดันลมยาง ความเร็วในการขับขี่ สภาพผิวถนน อุณหภูมิ
การตรวจเช็คยางเพื่อความปลอดภัย :
1. การตรวจสอบเพื่อความปลอดภัย
รูปที่ 5. แสดงถึง 3 สิ่งที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัย
2. การตรวจเช็คเพื่อป้องกันบำรุงรักษายาง และลดโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุ
สิ่งที่สำคัญสุดๆคือแรงดันลมของยาง :
การวัดแรงดันลมต้องทำตอนที่ยางไม่ร้อน เสมอ หากวัดแรงดันลมตอนที่ยางร้อนจะเห็นว่าแรงดันลมยางสูงกว่า ปกติ เพราะว่าเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นอากาศขยายตัว ทำให้แรงดันสูง (หากท่านปรับแรงดันให้ตรงตามกำหนดในขณะยาง ร้อน
ลมยางจะต่ำกว่าปกติเมื่อยางเย็นตัวลง)
2. การตรวจเช็คเพื่อป้องกันบำรุงรักษายาง และลดโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุ
สิ่งที่สำคัญสุดๆคือแรงดันลมของยาง :
การวัดแรงดันลมต้องทำตอนที่ยางไม่ร้อน เสมอ หากวัดแรงดันลมตอนที่ยางร้อนจะเห็นว่าแรงดันลมยางสูงกว่า ปกติ เพราะว่าเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นอากาศขยายตัว ทำให้แรงดันสูง (หากท่านปรับแรงดันให้ตรงตามกำหนดในขณะยาง ร้อน
ลมยางจะต่ำกว่าปกติเมื่อยางเย็นตัวลง)
เปรียบเทียบระยะเบรกของยางใหม่ดอกดีและยางเก่าดอกยางสึก:
2553/09/11
Posted in |
การดูแลรักษายางรถยนต์,
ยางรถยนต์,
รถยนต์
|
0 Comments »
One Responses to "หน้าฝนมาเปลี่ยนยางรถยนต์กันหรือยัง"