อาคารขายเวลา
ในตอนค่ำวันหนึ่ง
ฉันทิ้งตัวลงบนเตียงนอนที่คลุมด้วยผ้าห่มลายนกนางนวลสีเขียว
แล้วก็มองไปยังหนังสือกองโตที่ค้างคา รอให้ฉันไปอ่าน
เสียงถอนหายใจของฉันทอดยาว รับกับเสียงพัดลมขายาวที่ส่งเสียงครางเบาๆ
แถมช่วงเวลานั้นอากาศก็ช่างเป็นใจ เพราะอากาศเย็นสบายกำลังดี
ฉะนั้นเมื่อเวลาผ่านไปได้สักพัก ฉันจึงเผลอหลับไป
ฉันพบตัวเองอีกทีที่หน้าอาคารหลังใหม่่ดูเหมือนจะสร้างด้วยหินอ่อนลักษณะ
คล้ายธนาคารมีบันไดหินสีขาวเป็นมันวับเรียงรายเป็นชั้นๆ
สุดบันไดขั้นสุดท้ายมีประตูกระจกติดฟิล์มกรองแสงเข้ม
มีป้ายแผ่นหนึ่งแขวนไว้ตรงประตูเขียนข้อความว่า 'มีเวลาขาย'
ฉันไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะความอยากรู้อยากเห็นหรือเพราะอะไรกันแน่
ที่ทำให้ขาทั้งสองข้างก้าวขึ้นไปบนอาคารหินอ่อนแห่งนั้น
เมื่อเอื้อมมือผลักประตูกระจกเข้าไป ไอเย็นของเครื่องปรับอากาศก็ปะทะร่างกาย
ภายในสถานที่นั้นดูโอ่โถงและสวยงามราวกับห้องรับรองชั้นดีมีโต๊ะไม้สีเข้มตัวยาว
ซึ่งกองแฟ้มเอกสารเรียงรายอยู่บนนั้น ชายหนุ่มคนที่นั่งประจำโต๊ะเอ่ยทักทายฉัน
ท่าทางเขาอบอุ่นและเป็นมิตร
'สวัสดีครับ' ... 'ค่ะ' ฉันตอบรับคำเขาเบาๆ
'ผมคิดว่าคุณคงจะไม่ได้มาซื้อเวลา ท่าทางคุณยังเป็นเด็กอยู่เลย
อายุคงยังไม่เกิน 20 ปี'
'ฉันไม่ได้มาซื้อเวลาหรอกค่ะ' ฉันตอบไปทั้งๆ
ที่ยังไม่แน่ใจว่าสินค้าหรือบริการอะไรกันแน่ ที่เขากำลังขายอยู่
'เพียงแต่ว่าฉันอยากมาดูผู้คนแล้วก็การซื้อขายของคุณเท่านั้น'
'ตามสบายเลยครับ' เขายิ้มอย่างมีไมตรี
'เชิญ?นั่ง' เขาผายมือไปทางโซฟาชุดที่ตั้งอยู่ชิดผนังด้านหนึ่ง
ฉันจึงถอยไปทรุดตัวลงนั่ง
ลูกค้าคนแรกที่ฉันพบในอาคารขายเวลาคือชายร่างเล็กผอมเกร็งผมขาวโพลน
ใบหน้าซีดเหลือง เขาพยุงตัวให้ก้าวผ่านบันไดทีละขั้นๆ อย่างลำบากยากเย็น
จนกระทั่งผลักประตูมาหยุดยืนตรงหน้าชายขายเวลา
'ผมมาขอซื้อเวลาที่ผ่านไป...ห้าปี' น้ำเสียงเขาแหบแห้ง และสั่นพร่าอย่างคนที่กำลังป่วยหนัก
'หมอบอกว่าผมมาหาหมอช้าไปห้าปี ไม่อย่างนั้นแล้วโรคก็คงมีวิธีรักษาให้หายได้'
คนต่อมาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี แต่งตัวสะอาดสะอ้านเพียงแต่ว่าดูหม่นหมองและหมดหวัง....
'ขอซื้อเวลา สามเดือน' เขาพูดกับชายขายเวลา
'คุณรู้ไหม ผู้หญิงที่ผมรัก เธอไปเมืองนอก เมื่อสามเดือนก่อน
เราคบกันมาเป็นปีแต่ผมก็ยังไม่เคยบอกรักเธอทั้งๆ ที่รักเธอมาก เธอไปโดยไม่รู้อะไรเลย'
ชายขายเวลามีทีท่าว่าเห็นใจ
ฉันคิดว่าเขาเป็นนักขายเวลาที่มีความอดทนมากทีเดียวที่จะต้องพบลูกค้าที่
ล้วนแล้วแต่มีปัญหาต่างๆ กันไป พร้อมๆ กับนึกเสียดายแทนผู้ชายคนนี้ที่เขาผ่านเวลาร่วมปี
ไปโดยเปล่าประโยชน์ แล้วเพิ่งจะมาเห็นคุณค่าของเวลาเหล่านั้น... เมื่อมันได้ผ่านไปแล้ว
ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มคนนั้นจะก้าวพ้นประตูออกไป หญิงสาวคนหนึ่งก็เดินสวนเข้ามา
หล่อนสวมชุดไว้ทุกข์สีดำ ใบหน้ายังเปื้อนคราบน้ำตา ดวงตายังมีรอยบอบช้ำ
'อยากได้เวลาค่ะ สักสองปี ปีเดียวหรือเพียงครึ่งปีก็ได้' หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงที่เศร้าโศก
'ผมคิดว่าคุณคงมีปัญ?หาเกี่ยวกับเวลาในอดีตเหมือนคนอื่นๆ' ชายขาย
เวลากล่าวขึ้น
'ค่ะ' หล่อนรับคำเสียงแผ่ว ...
'คุณแม่ของดิฉันเพิ่งเสียเมื่อสองวันก่อน ท่านดีกับฉันมาก
เลี้ยงดูอย่างเอาอกเอาใจแต่ดิฉันยังไม่ทันทำอะไรให้แม่ชื่นใจเลย
มีแต่ตั้งแง่ตั้งงอน ท่านก็มาด่วนจากไป'
'คุณเลยอยากซื้อเวลาที่ผ่านไปเพื่อทำดีกับคุณแม่ของคุณ'
ฉันนึกเวทนาหล่อน เวทนาที่หล่อนมาคิดอะไรอะไรได้ก็เมื่อสายไป ถ้าหากหล่อนได้ทำ
อะไรไปตั้งนานแล้ว ก็คงไม่ต้องมานึกเสียดายตอนนี้ วูบหนึ่งจึงนึกย้อนกลับมาที่ตัวเอง
คนต่อมาเป็นเด็กหนุ่ม ใบหน้าของเขายังอ่อนเยาว์ แต่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งความกังวล
'ต้องการเวลาเท่าไหร่ดีครับ' ชายขายเวลาถามขึ้นก่อน'สองปี' เขายิ้มอย่างอ่อนเพลีย
'ผมอยากกลับไปเลือกแผนการเรียนใหม่ผมพลาดไปในตอนนั้น
บางทีผมอาจเริ่มต้นใหม่ด้วยดี จะได้เรียนวิชาที่ชอบแทนวิชาที่น่าเบื่อตอนนี้'
แล้วเขาก็จากไป เมื่อได้สิ่งที่ต้องการแล้ว
ฉันเห็นชายขายเวลาหลับตาลงในขณะที่กำลังเว้นว่างจากลูกค้า แต่เมื่อฉันขยับตัว
เขาก็ลืมตาขึ้นแล้วหันมายิ้มให้ฉัน ดวงตาเขาอบอุ่น
...เป็นเวลานานเท่าไรก็ไม่ทราบที่ฉันนั่งมองผู้คนเดินผ่านไปมาล้วนแล้วแต่มีท่าที
วิตกกังวล ผิดหวัง เสียดาย เสียใจ แล้วก็มาซื้อเวลาไปเพราะว่าพวกเขา
ได้พลาดสิ่งที่น่าจะทำในอดีตแล้วชายขายเวลาก็ปิดแฟ้มพร้อมกับเงยหน้าขึ้น
มาทางฉัน สักครู่จึงเดินมาทรุดตัวนั่งเก้าอี้โซฟาข้างๆ
'จะปิดร้านแล้วหรือคะ' ฉันถาม
'ครับ... ได้เวลาแล้ว'
'ขอบคุณมากนะคะสำหรับวันนี้ ฉันเห็นจะต้องกลับเสียที'
ฉันพูดกับเขาทั้งๆ ที่ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าฉันจะกลับไปอย่างไร....
'เชิญ?ครับ ขอให้คุณจงใช้เวลาทุกวินาทีให้ผ่านไปอย่างมีคุณค่าและคุ้มค่าที่สุดนะครับ
ผมหวังว่า คงจะไม่เห็นคุณมาที่นี่เพื่อซื้อเวลานะครับ' เขากล่าวในที่สุด
'ขอบคุณมากค่ะ ฉันจะไม่ลืมคุณ และที่นี่' ฉันลุกขึ้นยืน ทันใดนั้นไฟก็ดับวูบ
ฉันตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่แปลกใหม่เกิดอะไรขึ้น
และฉันเอื้อมมือไปรูดผ้าม่านหน้าต่างสีครีม ผ้าม่านถูกเปิดออก
ท้องฟ้ายังไม่สว่างดีและไก่ก็ยังไม่ขัน
ฉันรีบเก็บที่นอนและกระโดดเข้าห้องน้ำอย่างสดชื่น
จากนั้นก็กลับมานั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือตัวเดิมซึ่งฉันไม่เคยนั่งมันอย่าง
จริงจังมานานแล้ว ....ฉันรู้สึกดีใจที่ฉันยังมีเวลาเหลืออยู่ ... ยังไม่สายเกิน
ไปที่จะเริ่มลงมือทำในสิ่งที่ดีที่ฉันได้หวัง ได้ตั้งใจไว้
ซึ่งไม่เหมือนกับผู้คนเหล่านั้น...ที่ฉันพบที่อาคารขายเวลา...
เวลาไม่เคยรอใคร อย่าปล่อยเวลาไปโดยเปล่าๆ เพราะมันไม่มีวันย้อนกลับมาได้
ฉะนั้นจงใช้เวลาของคุณอย่างระมัดระวัง ใช้อย่างรู้คุณค่า และใช้ให้คุ้มค่าที่สุด
ท่านจงเตือนสติกันและกันทุกวัน ตลอดเวลาที่เรียกว่า 'วันนี้'
1. ปรับช่องแอร์ในรถให้ต่ำลงอย่าให้ลมเย็นพ่นเข่าตาโดยตรง เพราะลมเย็นพวกนี้จะเป็นสาเหตุให้ตาแห้ง ถ้าปล่อยไว้นานๆ กระจกตาก็อาจจะถลอกจนกลายเป็นปัญหาเรื้อรังได้
2. บลูเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่ดีต่อสายตามากๆและหาซื้อได้ไม่ยากเลย แค่ซื้อแยมบลูเบอร์รี่มาทาขนมปังทาน คุณก็จะได้รับสารอาหารแอนโธไซยาโนไซด์ ซึ่งช่วยบำรุงสายตาแล้ว
3. อย่ามองข้ามมันเทศของดีราคาย่อมเยาที่พ่อค้าเขาเดินขาย วิตามินในมันเทศจะช่วยปรับสายตาของคุณให้เห็นได้ชัดในที่มืด
4. เวลาทำกับข้าวอย่าลืมใส่หัวหอมแดงลงไปด้วยเพื่อให้สารต้านอนุมูลอิสระเคอร์ซิทินในหอมแดงจะช่วยป้องกันต้อหินให้คุณ
5. อย่าขี้เกียจเดินเพราะผลการวิจัยบอกว่าเดินอย่างน้อยสัปดาห์ละ 4 ครั้งจะช่วยลดความดันในกระบอกตา ทำให้สายตาเป็นปกติ
6. กินปลาสัปดาห์ละ 2 ครั้งเพื่อไม่ให้ร่างกายขาดโอเมก้า-3 ที่จำเป็นสำหรับบำรุงสายตา
7. ลดขนมหวานๆ และอาหารมันจัดอาหารพวกนี้เกิดมาเพื่อเป็นศัตรูกับสุขภาพ รวมทั้งสายตาของคุณด้วย
8. ก่อนออกจากบ้านอย่าลืมใส่แว่นกันแดดเสมอเพื่อป้องกันทั้งลม แดด ฝุ่นละออง และเชื้อโรค ที่จะแท็คทีมกันมาทำร้ายสายตาที่รักของเรา
9. ตรวจวัดความดันโลติตเป็นประจำทุกเดือนความดันที่ผิดปกติมีผลโดยตรงต่อสายตามาก จึงไม่ควรมองข้ามการวัดความดัน ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลจะได้รักษาได้ทันท่วงที
10. สวมหมวกปีกกว้างแว่นกันแดดอย่างเดียวอาจจะสู้กับแดดแรงมหาร้อนอย่างบ้านเราไม่ไหว หมวกปีกกว้างจึงเป็นอุปกรณ์เสริมอีกอย่างที่ขาดไม่ได้ เพื่อป้องกันรังสียูวีที่อาจจะเล็ดลอดเข้ามาทางด้านบนของแว่นกันแดด
11. อย่าละเลยการทำความสะอาดดวงตาด้วยน้ำยาล้างเครื่องสำอางค์ทุกคืนเพื่อป้องกันไม่ให้มาสคาร่าที่อาจจะเหลือตกค้างอยู่เข้าไปหมักหมมอยู่ในดวงตาจนเกิดการติดเชื้อ
12. กินผักใบเขียวเป็นประจำทุกวันผักใบเขียวเป็นแหล่งรวมของสารลูเทอินและซีอาแซนธินที่ช่วยลดความเสี่ยงโรคต้อกระจกและยิ่งซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในกระบอกตาได้ด้วย (คนที่เกลียดผักคงต้องพยายามหน่อยน่ะ)
13. ผักบีตสดๆเป็นของขวัญชั้นดีที่จะมอบให้ดวงตาของตัวเองได้ผักชนิดนี้มีสารต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยปกป้องหลอดเลือดในกระบอกตา ทำให้ตาคุณมีเลือดไปเลี้ยงอย่างสมบูรณ์ ทำให้ตาคุณสวยและใส
14. เลิกทานอาหารที่เค็มจัดเพราะคนที่ติดรสเค็มจะมีโอกาสเป็นโรคต้อกระจกมากกว่าคนที่ชอบอาหารรสจืด
15. หมั่นซักผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัวบ่อยๆเพื่อให้ผ้าส่วนตัวของคุณสะอาด ปราศจากเชื้อโรค ทีสำคัญไม่ควรใช้ผ้าเช็ดหน้าร่วมกับใคร เพราะในผ้าพวกนั้นอาจจะมีเชื้อโรคตาแดงซ่อนอยู่
16. น้ำหอมกลิ่นมะลิ วนิลลา หรือเปปเปอร์มินต์ มีสรรพคุณช่วยกระตุ้นระบบลิมบิกในสมองซึ่งจะไปกระตุ้นเซลล์รูปแท่งในจอตาอีกต่อหนึ่ง ทำให้คุณมองเห็นในที่มืดได้ชัดขึ้น แค่หยดน้ำหอมกลิ่นใดกลิ่นหนึ่งไว้ที่แขนเสื้อ ก็จะมีสายตาดีขึ้นได้แล้ว ว้าว!! ง่ายจัง
17. อย่าเพ่งมองสิ่งใดสิ่งหนึ่งนานเกินไปแม้การอ่านหนังสือก็ควรถอนสายตามองออกไปที่ไกลๆทุกๆ 30 นาที เพื่อพักสายตาไม่ให้เพลียหรือล้าถาวร
18.กินผักโขมสัปดาห์ละ 2 ครั้งผักชนิดนี้มีสารลูเทอิน ซึ่งจะช่วยป้องกันต้อกระจกและภาวะศูนย์กลางประสาท
19. เปลี่ยนมาสคาร่าขวดใหม่ทุกๆ 3 เดือนทุกครั้งที่มาสคาร่าสัมผัสตาคุณ จะต้องมีความสกปรกเล็กๆน้อยๆ ติดมาด้วย เมื่อมาหมักหมมปนกันนานเกิน 3 เดือนขึ้นไป มาสคาร่าขวดโปรดของคุณก็จะกลายเป็นแหล่งรวมเชื้อโรคไปโดยปริยาย
TIPS ON PUMPING GAS
น้ำมันแพง ต้องฉลาดเติม (ภาคพิสดาร)
ไม่ทราบว่าเหล่าผู้ชายเช่นคุณควักกระเป๋าจ่ายเงินค่าน้ำมันกันยังไง
แต่ที่ California ผู้ใช้รถก็จ่ายไม่เบา จนมีผู้รู้สอนเคล็ดลับการเติมน้ำมัน
เพื่อช่วยให้ผู้ใช้รถจ่ายเงินอย่างคุ้มค่า
ผู้รู้ซึ่งมีประสบการณ์ในวงการน้ำมันกว่า 31 ปี เล่าว่า
เขาทำงานที่คลังน้ำมันแห่งหนึ่งใน San Jose , CA ซึ่งมีคลังเก็บ 34 คลัง
ขนาดบรรจุรวม 16,800,000 แกลลอน ณ ที่นั่นแต่ละวันจะจ่ายน้ำมัน
ประมาณ 4 ล้านแกลลอน ตลอด 24 ชม.
โดยวันหนึ่งจ่ายน้ำมันดีเซล อีกวันหนึ่งจ่ายน้ำมันเครื่องบินและน้ำมันรถยนต์เกรดต่างๆ สลับกัน
เขาบอกว่า
1. จงเติมน้ำมันตอนเช้าขณะที่อุณหภูมิบนพื้นดินยังเย็นอยู่
อย่าลืมว่าปั๊มน้ำมันทุกแห่งมีถังน้ำมันฝั่งอยู่ใต้ดิน เมื่อพื้นดินยิ่งเย็น
น้ำมันยิ่งควบแน่น เมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้น น้ำมันก็จะขยายตัวตาม
ดังนั้น หากเติมน้ำมันช่วงบ่ายหรือเย็น คุณจ่ายค่าน้ำมัน 1 แกลลอน
แต่ได้มาไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย
ธุรกิจค้าน้ำมัน ไม่ว่าจะเป็นน้ามันเบนซิน ดีเซล น้ำมันสำหรับเครื่องบิน
เอทานอล หรือผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมอื่นๆ อุณหภูมิและความถ่วงจำเพาะ
มีบทบาทสำคัญ อุณหภูมิเพิ่มขึ้นเพียง 1 องศา หมายถึงเงินมหาศาลในธุรกิจนี้
แต่ปั๊มน้ำมันไม่มีการชดเชยอุณหภูมิให้ลูกค้า
2.ขณะเติมน้ำมัน อย่าให้เด็กปั๊มตั้งหัวฉีดอยู่ในตำแหน่งไหลเร็ว
(ในอเมริกาเจ้าของรถต้องลงมือเติมเอง)
หากคุณสังเกต จะเห็นว่ากลไกเหนี่ยวมี 3 ระดับ คือ low, middle, และ high
เมื่อตั้งในระดับไหลช้า จะเกิดไอระเหยของน้ำมันน้อยที่สุด
หากตั้งในระดับไหลเร็ว น้ำมันบางส่วนจะกลายเป็นไอระเหย
และถูกสูบย้อนกลับไปยังถังใ้ต้ดิน นั่นหมายถึงคุณจ่ายเงินมากกว่าที่ควร
3.เคล็ดลับอีกอย่างคือ ควรเติมน้ำมันเมื่อน้ำมันในรถเหลือครึ่งถัง
(แหล่งข้อมูลบางแห่งแนะนำว่า เติมน้ำมันแค่ครึ่งถังก็พอ
จะได้ลดน้ำหนักบรรทุกและประหยัดน้ำมัน ทั้งนี้และทั้งนั้น
ขอให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณตัดสินเอาเองก็แล้วกัน―หมายเหตุผู้แปล)
เหตุผลคือ น้ำมันบรรจุในถังยิ่งมาก เนื้อที่ว่างสำหรับไอระเหยก็ยิ่งน้อย
เพราะน้ำมันระเหยเป็นไอเร็วกว่าที่คุณคาดคิด
ในคลังเก็บน้ำมันจะมีอุปกรณ์ภายในถัง ทำหน้าที่เป็นเพดาน
ลอยขึ้นลงตามระดับน้ำมัน ทำให้ไม่มีช่องว่างระหว่างน้ำมันกับอากาศ
ลดไอระเหยของน้ำม??นให้น้อยที่สุด รถขนส่งน้ำมันเมื่อมาบรรทุกน้ำมัน
จึงเติมได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ผิดกับที่ปั๊มน้ำมันซึ่งไม่มีการชดเชยอุณหภูมิ
4. ข้อเตือนใจอีกข้อหนึ่ง
ขณะที่คุณขับรถเข้าปั๊มถ้าเห็นรถบรรทุกกำลังถ่ายน้ำมันเข้าสู่ถังเก็บใต้ดิน
จงอย่ารีบร้อนเติมน้ำมันช่วงเวลานั้น เพราะตอน "ลงของ" สิ่งแปลกปลอม
ซึ่งปรกติจะตกตะกอนอยู่ใต้ถัง ถูกปั่นป่วนจนลอยตัว
หากคุณเติมน้ำมันช่วงเวลานั้น อาจมีโอกาสดูดเอาสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่รถคุณได้
โปรดแบ่งปันเคล็ดลับเหล่านี้ให้ทั่วถึงเพื่อทำให้เกิดอิทธิพลขึ้น
เราจำต้องส่งข้อมูลเหล่านี้ให้เข้าถึงผู้ใช้น้ำมันจำนวนนับล้าน ซึ่งก็ไม่ยาก
ผู้เป็นต้นคิดส่งให้เพื่อนฝูง 30 ราย หากแต่ละรายส่งต่ออีก 10 คน
(30 x 10 = 300)...300 คนส่งต่ออีก 10 คน (300 x 10 = 3,000)
..ทำเช่นนี้เป็นลูกโซ่ต่อเนื่อง พอถึงลูกโซ่ข้อที่ 6 ข้อมูลก็จะถึงมือผู้ใช้น้ำมัน 3 ล้านคน
หาก 3 ล้านคนนั้นตื่นตัวพร้อมกัน ต่างส่งต่ออีก 10 คน ก็จะมี 30 ล้านคนรับรู้ข้อมูลนี้
จากจุดนี้ก้าวขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ลองทายดูว่าจะเป็นเท่าไร 300 ล้านแน่ะ
ฉะนั้น โปรดเริ่มลงมือส่งให้ญาติมิตร 10 คน คงเสียเวลาไม่มากใช่ไหม?
Hot Posted
-
เพราะว่ามันจะใส่กางเกงไม่ได้ ถึงใส่ได้ก็เป็นอย่างที่เห็น เหอๆๆๆๆๆๆ เด็กอะไรอ้วนได้ใจมากๆ
-
Happy Lock ล็อคง่ายๆ เพื่อคนรักรถ ล็อคได้ทุกล้อซ้าย ขวา หน้า หลัง ใช้ได้กับรถเก๋งและรถกระบะ ที่เป็นล้อแม็ก เท่านั้น 2,500 บาท เท...
-
ความรู้เรื่องยางรถยนต์และอันตรายจากยาง 1. ยางที่สึกมาก เป็นอันตรายไม่สามารถรีดน้ำออกจากหน้ายางได้ ทำให้เหินน้ำ บังคับเลี้ยวไม่ได้และเป็น...
-
วิธีการดูว่ากระจกที่คุณกำลังส่องอยู่นั้น เป็นกระจกที่มองจากอีกด้านได้หรือเปล่า วันนี้ผมมีวิธีการตรวจเช็คง่ายๆมาแนะนำกันครับ เคลือบข้าง -...
-
สรรพคุณสมุนไพรไทย ๑) กระเพรา (Ocimama sanctum Linn) = คลายเครียด ขับลม-เสมหะ ลดอาการหลอดลมอักเสบ ๒)ถั่วเหลือง (Glycine max Merr) ...
-
ช่วยบอกต่อกับคนที่เรารัก เพื่อความปลอดภัยและมีสติ... เวลาประมาณ 11.00 น. เป็นวันที่ผมมิอาจลืมได้ ในชีวิตนี้ ผมได้ขับรถขึ้นทางด่วนพิ...
-
ดูดวงท่านผู้ที่เกิดในเดือน มกราคม การดำเนินชีวิตในปีเถาะ 2554 *********************************** * ท่านผู้ที่เกิดเดือนมกราค...
-
เรื่องมีอยู่ว่า ต้น รวมตัวกับเพื่อน ๆ ได้กลุ่มหนึ่ง ประมาณ 10 คน แล้วนั่งคุยกันว่า เด๋วหลังเสร็จงานจัดโปรแกรม ไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน พองานเ...
-
เพื่อสุขภาพที่ดี >> * ผลข้างเคียงของยาคุมกำเนิด * > ยาคุมกำเนิด ทำให้กระดูกบางลงได้ > นำไปสู่ปัญหากระดูกพรุน > เมื่อแก่ตัวลง ...